ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การใช้คอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัยกับซอฟต์แวร์ยอดนิยม

 



 การใช้คอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัยกับซอฟต์แวร์ยอดนิยม ให้ใช้โปรแกรมปรับปรุงล่าสุด ควรติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงและซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยในเซิร์ฟเวอร์ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งชนิดตั้งโต๊ะและชนิดแล็ปท็อปทุกเครื่อง ในการรับโปรแกรมปรับปรุงล่าสุดของระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของ Windows โปรดไปที่ Microsoft Update ซึ่งจะสแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อตรวจสอบว่าคุณต้องใช้โปรแกรมปรับ ปรุงตัวใด จากนั้น คุณจะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมปรับปรุงโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งหรือทุกโปรแกรม ได้

      เพื่อเป็นการปรับปรุงความปลอดภัยและความเสถียรของซอฟต์แวร์ Microsoft Office ของคุณ ให้ไปที่ Office Update แล้วไปที่ลิงค์ Check for Updates ลดความเสี่ยงจากภัยของไวรัส มีวิธีการต่างๆ เป็นจำนวนมากที่คุณสามารถกระทำได้เพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์และเครือข่ายของ คุณให้ปลอดภัยจากไวรัส การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและทำให้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวทันสมัยอยู่เสมอเป็น สิ่งที่ควรทำเป็นลำดับแรกๆ และยังมีวิธีอื่นๆ อีก ที่คุณสามารถทำได้ เช่น:

     ใช้การตั้งค่าเพื่อรักษาความปลอดภัยที่ตั้งมาจาก โรงงานใน Office 2003 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่วางจำหน่ายมาของ Office

     1.เข้าเว็บไซต์ Office Update เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมปรับปรุงและ Patch ต่างๆ

     2.ห้ามเปิดอีเมลหรือไฟล์แนบที่น่าสงสัย ให้ใช้ประโยชน์จากตัวกรองอีเมลขยะที่ยอดเยี่ยมของ Outlook 2003 เพื่อส่งอีเมลที่น่าสงสัยตรงไปยังโฟลเดอร์อีเมลขยะของคุณ

     3. ใช้ Windows Security Centre ในการตั้งค่า ดูข้อมูลอย่างชัดเจนของการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ของคุณ ที่รวมข้อมูลทุกอย่างไว้ในจอภาพเดียวใน Windows Security Centre โดยคุณสามารถปรับแต่งระดับการป้องกันได้ตามความเหมาะสมสำหรับการใช้งานของ คุณ การตั้งค่าที่ใช้ป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณดังกล่าวจะมีผลกับไฟล์หรือข้อมูล ทั้งหมดที่ส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลลับทางธุรกิจของคุณ

     4. เข้ารหัสข้อมูลที่มีความสำคัญในเครื่องแล็ปท็อปของคุณ หากคุณเดินทางเพื่อทำธุรกิจและใช้เครื่องแล็ปท็อปที่รันด้วย Windows ให้ทำการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล โดยใช้ Encrypted File System (EFS) เพื่อเข้ารหัสไฟล์และโฟลเดอร์ที่มีความสำคัญ และหากว่าเครื่องแล็ปท็อปของคุณถูกขโมยไป ไฟล์และโฟลเดอร์ของคุณจะได้รับการป้องกันเนื่องจากมีเพียงผู้ที่มีคีย์ถอด รหัสพิเศษเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าใช้ไฟล์ที่เข้ารหัสดังกล่าวได้

     5. ให้ทำการ ดาวน์โหลดไฟล์ทางอินเทอร์เน็ตเฉพาะจากแหล่งข้อมูลที่ไว้ใจได้เท่า นั้น หากคุณไม่แน่ใจว่าไฟล์ที่กำลังจะดาวน์โหลดมีความปลอดภัยหรือไม่ ให้ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นลงในดิสก์ที่แยกต่างหากจากฮาร์ดดิสก์ เช่น ซีดี หรือฟล็อปปี้ดิสก์ จากนั้น คุณก็จะสามารถสแกนไฟล์เหล่านั้นด้วยโปรแกรมสแกนไวรัสได้

     6. ใช้ระบบเข้ารหัสที่ใช้รหัสผ่านเพื่อป้องกันไฟล์ใน โปรแกรม Office เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ปรับปรุงใหม่ทำให้การรักษาความปลอดภัยด้วยรหัสผ่าน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในโปรแกรม Word 2003 และ Excel 2003 และขยายการเข้ารหัสที่ใช้รหัสผ่านไปใช้กับ PowerPoint 2003 อีกด้วย คุณสามารถเปิดใช้งานการป้องกันไฟล์ด้วยรหัสผ่านได้จากเมนู เครื่องมือ ของโปรแกรมทั้งสามดังกล่าว และวิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการเข้าใช้ข้อมูลลับ ทางธุรกิจได้

     7. ล้างข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณก่อนกำจัดทิ้ง หากคุณซื้อคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่มาและกำลังจะโล๊ะทิ้งเครื่อง เก่าไป ให้ตรวจสอบว่าคุณได้ลบข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญทิ้งแล้ว หรือยัง ก่อนที่จะกำจัดเครื่องดังกล่าวทิ้ง ซึ่งมิใช่เพียงแค่การลบไฟล์ต่างๆ แล้วตามลบไฟล์เหล่านั้นออกจาก Recycle Bin เท่านั้น แต่หมายถึงการฟอร์แม็ตฮาร์ดดิสก์ใหม่เลย หรือใช้ซอฟต์แวร์ในการล้างข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดดิสก์ให้หมดก่อน

     8. ใช้ไฟร์วอลล์ (Firewall) หากบริษัทของคุณใช้การเชื่อม ต่ออินเทอร์เน็ตชนิดบรอดแบนด์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทอยู่ตลอดเวลา ให้ติดตั้งไฟร์วอลล์ (firewall) ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันขั้นพื้นฐานสำหรับป้องกันผู้บุกรุกจากภายนอก ไฟร์วอลล์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

          1) ไฟร์วอลล์ชนิดซอฟต์แวร์ เช่น Microsoft Internet Connection Firewall ที่มาพร้อมกับ Windows XP Professional ซึ่งจะป้องกันเครื่องที่ซอฟต์แวร์นั้นใช้รันโปรแกรม และ

          2) ไฟร์วอลล์ชนิดฮาร์ดแวร์ที่ใช้สกัดกั้นการรับส่งข้อมูลทั้งหมดระหว่างอิน เทอร์เน็ตกับเครือข่ายทั้งหมดของคุณยกเว้นแต่การรับส่งข้อมูลจากผู้ส่งที่ คุณกำหนดไว้เท่านั้น

     9. ไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ในการท่องเว็บ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์บัญชาการของเครือข่ายทั้งหมดของคุณ จึงเป็นที่เก็บข้อมูลทางธุรกิจที่มีความสำคัญ หากเซิร์ฟเวอร์ของคุณถูกบุกรุก ข้อมูลทั้งหมดตลอดจนเครือข่ายทั้งหมดของคุณก็จะได้รับอันตรายไปด้วย คุณจึงควรหลีกเลี่ยง

     10. ใช้รหัสผ่านอย่างชาญฉลาด ให้ใช้รหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดาเสมอ โดยมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษรและมีตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเลขและสัญลักษณ์ผสมกัน อย่าใช้รหัสผ่านตัวเดียวกันซ้ำๆ กันตลอดเวลา ให้หมั่นเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณอย่างสม่ำเสมอ และหากคุณมีปัญหาในการจดจำรหัสผ่าน ให้ลองพิจารณาใช้รหัสที่เป็นวลี ตัวอย่างรหัสวลี เช่น I had pizza for Breakfast Monday. เป็นต้น


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การจองสมาร์ทรูม (Smart Room) สำนักหอสมุดกลาง

                ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในสายงานต่าง ๆ สำนักหอสมุดกลาง ก็ได้นำเทคโนโลยีสมาร์ทรูม (Smart Room) เข้ามาใช้ในการบริการนักศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผลและสะดวกสบายมากขึ้น                Smart Room เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักศึกษาและบุคลากรในการค้นคว้า วิจัย และทำงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ที่ทันสมัยและสนับสนุนการใช้ทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น   โดยสามารถเข้าจองสมาร์ทรูม ( Smart Room) ไดัตามขั้นตอนดังต่อไปนี้                ขั้นตอนที่ 1 เข้าเว็บไซต์ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผ่านทาง https://library.kmutnb.ac.th จากนั้นเลือกเมนู จองห้องออนไลน์ ดังภาพที่ 1                ขั้นตอนที่ 2   คลิกเลือกห้องสมุดที่ต้องการจอง Smart Room Bangkok Campus   ดังภาพที่ 2                ขั้นตอนที่ 3   ทำการยืนยันตัวตนโดยการเข้าสู่ระบบการจองด้วย ICIT Account ดั

การจองห้องโสตทัศนศึกษาและห้องประชุม (สำหรับบุคลากรสำนักหอสมุดกลาง)

การใช้งานระบบการจองห้องโสตทัศนศึกษาและห้องประชุมออนไลน์ (สำหรับบุคลากรสำนักหอสมุดกลาง)  ขั้นตอนเข้าใช้งานระบบการจองห้องโสตทัศนศึกษาและห้องประชุมแบบออนไลน์ ดังนี้ 1 .       1.   เข้าระบบ Back office  ของสำนักหอสมุดกลาง จากเวปไซต์ http://library.kmutnb.ac.th/th/ 2.   จากหน้า Home ของ Back Office หรือเข้าผ่าน http:// 202.28.17.23/ backoffices/ เลือกระบบงานภายใน 3.                      3.   เลือกหัวข้อ ระบบจองห้องประชุมต่าง ๆ 4.        เข้าสู่ระบบเพื่อจองห้องประชุมออนไลน์  และตรวจสอบวันเวลาในการใช้ห้องโสตทัศนศึกษา/ห้องประชุม ว่าตรงกับผู้ใช้รายอื่นหรือไม่ 5.        บันทึกรายการจอง ลงรายละเอียด วัน เวลา ที่ต้องการจองห้องโสตทัศนศึกษา/ห้องประชุม โดยมีรายละเอียดสำหรับห้องโสตทัศนศึกษาเพิ่มเติม ทั้งชื่อห้อง สถานที่ตั้ง ความจุที่นั่งภายในห้องสูงสุด ผู้ใช้บริการสามารถระบุความต้องการด้านที่นั่งว่าต้องการห้องประชุมรูปแบบใด เช่น classroom, ตัว U หรือ ประชุมโต๊ะกลม เป็นต้น 6.        ระบุรายละเอียดตามต้องการที่กำหนดให้   ทำการบันทึกจองห้องประชุม                           บันทึกรายละเอียดข้อมูลการใ

การเขียนโปรแกรมภาษา Python Socket IO

Socket.IO คืออะไร      Socket.IO เป็นไลบรารีที่ช่วยให้สามารถสร้างการสื่อสารแบบเรียลไทม์ระหว่างไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้โปรโตคอล WebSocket ซึ่งสามารถใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องการการสื่อสารสองทางแบบเรียลไทม์ เช่น แชทแอปพลิเคชัน เกมออนไลน์ หรือการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ การติดตั้ง Socket.IO ใน Python ก่อนที่จะเริ่มต้นพัฒนา คุณจำเป็นต้องติดตั้งไลบรารีที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถติดตั้งได้ง่าย ๆ ผ่าน pip:     pip install flask flask-socketio ตัวอย่างของการเขียน python โดยใช้ socket IO ควบคุมห้อง Smart Room  import socketio sio = socketio.Client(reconnection=True, reconnection_attempts=5, reconnection_delay=1) # สร้างไคลเอนต์ Socket.IO sio = socketio.Client() @sio.event def connect():     now = datetime.now()     print('connection established',now) @sio.event def control(data):     #ทำงานเมื่อมีเหตุการใน Event API Funtion Control  @sio.event def disconnect():     now = datetime.now()     print('disconnected from server',now) # เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ Node.js sio.connect(&